ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2537 เดิมใช้ชื่อ บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด
เพื่อดำเนินธุรกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีต อิฐมวลเบา (Autoclaved Aerated Concrete) และได้มีการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2548 ต่อมาวันที่ 9 พฤษภาคม 2561 ได้มีการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี
คอร์เปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2561 ภายหลังจากได้มีการเปลี่ยนแปลงธุรกิจมาดำเนินธุรกิจด้านพลังงานทดแทนโดยการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โครงการแรก
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2556
วิสัยทัศน์
เป็นผู้นำด้านธุรกิจพลังงานทดแทน
ทั้งในประเทศและในภูมิภาคอาเซียน ภายใต้กรอบการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน
โดยให้ความสำคัญถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ครอบคลุมทั้งมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม
และสิ่งแวดล้อม
พันธกิจ
1. ตอบสนองนโยบายภาครัฐในการพัฒนาระบบพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน
เพื่อความยั่งยืนทางพลังงาน
2. เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและขับเคลื่อนการลงทุนในการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทน
โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ
3. สร้างประโยชน์และคุณค่าสู่การเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างยั่งยืน
และเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายอย่างเป็นธรรม
เป้าหมายการดำเนินธุรกิจ
“กลุ่มบริษัทมุ่งมั่นที่จะขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 1,000 เมกะวัตต์
ในปี 2568”
ค่านิยมขององค์กร
S: Success, มุ่งเน้นความสำเร็จสู่การเป็นผู้นำด้านพลังงานทดแทน
U: Unity, ทำงานเป็นทีมเสริมสร้างความแข็งแกร่ง
P: Professional, ดำเนินงานอย่างมืออาชีพ
E: Energize, ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกลยุทธ์สีเขียว
R: Responsible, รับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายด้วยความเป็นธรรม
ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะการประกอบธุรกิจวันที่ 20 มกราคม 2566 โครงการ SPP Hybrid ของบริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ ไฮบริด จำกัด เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งร่วมกับแบตเตอร์รี่ เพื่อจำหน่ายไฟ 24 ชั่วโมง ที่ ตำบลหันทราย อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มีปริมาณซื้อขายไฟตามสัญญา (PPA) 16 เมกะวัตต์
บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี่ กรุ๊ป (ฮ่องกง) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิตรวม 836.72 เมกะวัตต์ แบบมีเงื่อนไขบังคับก่อน เพื่อจำหน่ายหุ้นในสัดส่วน 49% ของ SOLAR NT HOLDINGS PTE. LTD. ให้กับ AC ENERGY VIETNAM INVESTMENTS PTE. LTD. เพื่อสร้างพันธมิตรทางธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในอาเซียน
บริษัท มิเลนเนี่ยม แอคท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เข้าลงทุนเพิ่มเติม 14% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดในบริษัท มีเดียมาร์ค จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 4 โครงการ กำลังการผลิตรวม 23.60 เมกะวัตต์ ที่ได้ดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อปี 2558 – 2559 ภายหลังการเข้าลงทุนเพิ่มเติม ทำให้มีสัดส่วนการถือหุ้น 100%
บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อศึกษาและพัฒนารูปแบบการดำเนินการเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและขายพลังงานไฟฟ้าให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าโดยตรง ผ่านการขอใช้บริการโครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้า และพัฒนารูปแบบการซื้อขาย แลกเปลี่ยน Renewable Energy Certificates (RECs) หรือ Energy Attributed Certificates (EACs) รูปแบบอื่นๆ หรือ Carbon Credits
ตุลาคม - พฤศจิกายน
จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่จำนวน 14 บริษัท พร้อมปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทย่อยและเพิ่มทุนจดทะเบียน เพื่อเตรียมยื่นคำขอเสนอขายไฟฟ้า รองรับการขยายธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานความร้อนจากขยะ ในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff ปี 2565 – 2573
โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะชุมชน จังหวัดหนองคาย ของบริษัท หนองคายน่าอยู่ จํากัด ดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มีปริมาณซื้อขายไฟตามสัญญา (PPA) 6 เมกะวัตต์ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565
บริษัท ซุปเปอร์ คาร์บอน เอ็กซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมพัฒนารูปแบบการซื้อขายแลกเปลี่ยนใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) และ คาร์บอนเครดิต (Carbon Credits)
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2564 อนุมัติรายการดังนี้
- อนุมัติแต่งตั้งตำแหน่งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดังนี้
1. แต่งตั้งนายกำธร อุดมฤทธิรุจ เป็นประธานกรรมการของบริษัท แทนนายจอมทรัพย์ โลจายะ
2. แต่งตั้งนายจอมทรัพย์ โลจายะ เป็นรองประธานกรรมการของบริษัทแทน นายกำธร อุดมฤทธิรุจ
3. แต่งตั้ง นายจอมทรัพย์ โลจายะ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
- อนุมัติการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่ประเทศเวียดนาม จำนวน 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 50 เมกะวัตต์ โดยให้บริษัท ซุปเปอร์ วินด์ เอนเนอร์ยี จำกัด เข้าซื้อหุ้นในบริษัท Asia Energy Company Limited
- อนุมัติให้ปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัท เลมอน โกลด์ ฟาร์ม จำกัด เดิมถือหุ้นโดย SEG เปลี่ยนเป็นการถือหุ้นโดย SWE ในสัดส่วนเดิม
วันที่ 16 มีนาคม 2564
บริษัท กรีน เพาเวอร์ เอ็นเนอร์จี จำกัด ได้ลงนามสัญญา โครงการให้เอกชนร่วมลงทุนก่อสร้างและบริหารจัดการระบบกำจัดขยะมูลฝอย กับเทศบาล นครศรีธรรมราชขนาดกำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์
วันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 4/2564
อนุมัติการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทย่อยจำนวน 6 บริษัท ได้แก่ SEE2, SEE3, SEE4, SEE5, SEE9 และ SKY
วันที่ 9 สิงหาคม 2564 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 5/2564 อนุมัติการเพิ่มทุนในบริษัทย่อยรวม 3 บริษัท ดังนี้
- อนุมัติให้ GPE เพิ่มทุนจดทะเบียนอีกไม่เกิน 100 ลบ. โดยออกหุ้นสามัญใหม่ไม่เกิน 10 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท พร้อมทั้งอนุมัติให้ SEE เข้าเพิ่มทุนใน GPE ตามสัดส่วนการถือหุ้นเดิม
- อนุมติให้ SEE2 เพิ่มทุนจดทะเบียนอีกไม่เกิน 200 ลบ. โดยออกหุ้นสามัญไม่เกิน 20 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท พร้อมทั้งอนุมัติให้ SUPER เข้าเพิ่มทุนใน SEE2 ตามสัดส่วนการถือหุ้นเดิม
- อนุมติให้ SEE4 เพิ่มทุนจดทะเบียนอีกไม่เกิน 50 ลบ. โดยออกหุ้นสามัญใหม่ไม่เกิน 5 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท พร้อมทั้งอนุมัติให้ SEE2 เข้าเพิ่มทุนใน SEE4 ตามสัดส่วนการถือหุ้นเดิม
วันที่ 29 ตุลาคม 2564
โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่ประเทศเวียดนามของบริษัท ซุปเปอร์ วินดิ์เอนเนอร์ยี จำกัด โครงการ HBRE Chu Prong Wind Power Farm Project กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ ได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ให้กับการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN)
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 7/2564 อนุมัติรายการดังนี้
- อนุมัติให้ SSE เข้าซื้อหุ้นสามัญใน PTI ซึ่งภายหลังการเข้าทำรายการจะทำให้ SSE ถือหุ้นจากเดิม 49.00% เป็น 99.996%
- อนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ ชื่อบริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ ไฮบริด จำกัด (SSH) ทุนจดทะเบียน 500 ลบ. ถือหุ้น 100% โดย SEG
วันที่ 8 ธันวาคม 2564
บจ.เอสพีพีซิค ลงนามในสัญญาความร่วมมือโครงการพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์กับมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลา กำลังการผลิตติดตั้ง 14 เมกะวัตต์ ระยะเวลาสัญญา 13 ปี 6 เดือน
วันที่ 15 ธันวาคม 2564 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 8/2564 อนุมัติรายการดังนี้
- อนุมัติเข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นใน บจ.คีย์แมนวินด์เพาวเวอร์ ในนาม บจ.ซุปเปอร์ วินด์ เอนเนอร์ยี จำนวน 5,750 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 57.50 ของหุ้นทั้งหมด
- อนุมัติการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทของ SEE3
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 1/2563 ดังนี้
1. อนุมัติให้ บริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ เอนเนอร์ยี จำกัด (“SSE”) ทำรายการจำหน่ายเงินลงทุนในหุ้นสามัญใน IAE ให้กับ KUNKUL ส่งผลให้ บริษัท รางเงิน โซลูชั่น จำกัด (“RNS”) สิ้นสภาพเป็นบริษัทร่วมขของ SSE
2. อนุมัติให้ บริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ เอนเนอร์ยี จำกัด (“SSE”) เข้าทำสัญญาซื้อหุ้นบุริมสิทธิในบริษัท ศรีนาคา พาวเวอร์ จำกัด (“SNP”) ภายหลังการเข้าทำรายการทำให้ SSE ถือหุ้นใน SNP ร้อยละ 100
3. อนุมัติให้ บริษัท Super Solar Energy (Hongkong)3 เข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท Thing Long Phu Yen Solar Power Joint Stock ในสัดส่วนร้อยละ 100
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 2/2563 ดังนี้
1. อนุมัติให้ บริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ เอนเนอร์ยี จำกัด (“SSE”) เข้าทำสัญญาซื้อหุ้นใน บริษัท ดับบลิวเอ็กซ์เอ 4 จํากัด , บริษัท ดับบลิวเอ็กซ์เอ 5 จํากัด , บริษัท ดับบลิวเอ็กซ์เอ 6 จํากัด และ บริษัท ดับบลิวเอ็กซ์เอ 7 จํากัด (“WXA4567”) ทำให้ SSE ถือหุ้นใน WXA4567 ร้อยละ 100
2. อนุมัติให้ บริษัท กรีน ไบ-โอ มหาสารคาม จำกัด (“GBOM”) โดยให้ บริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ เอนเนอร์ยี จํากัด (“SSE”) เข้าทําสัญญาซื้อหุ้นใน บริษัท พีเคที กรีน จํากัด (“PKTG”) ทําให้ GBOM ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ใน PKTG
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 3/2563 ดังนี้
1. อนุมัติให้บริษัทซุปเปอร์ วอเตอร์ พีพีเอส จำกัด เพิ่มทุนจดทะเบียน จำนวน 34.0 ลบ.
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 4/2563 ดังนี้
1. อนุมัติการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียดนาม จำนวน 4 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 750 เมกะวัตต์ ได้แก่โครงการ Loc Ninh1 , Loc Ninh2 , Loc Ninh3 และ Loc Ninh4
1. บริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ (ประเทศไทย) จำกัด (“SST”) ได้ลงนามใน Master Investment Agreement ในโครงการ Loc Ninh 1-2-3 ขนาดกําลังการผลิตติดตั้ง 550 เมกะวัตต์
2. บริษัท ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี6 จำกัด ได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 9.0 เมกะวัตต์ ในวันที่ 30 เม.ย. 63
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 5/2563 ดังนี้
1. อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทย่อยและปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทย่อย ดังนี้
1.1 SEE6 ปรับโครงสร้างการถือหุ้นและเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 500 ล้านบาท
1.2 SEE ปรับโครงสร้างการถือหุ้นและเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 2,000 ล้านบาท
1.3 SW ปรับโครงสร้างการถือหุ้นและเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 500 ล้านบาท
1.4 SWPPS ปรับโครงสร้างการถือหุ้นและเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 88 ล้านบาท
1.5 Pro-One ปรับโครงสร้างการถือหุ้น
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 6/2563 ดังนี้
1. อนุมัติให้บริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ เอนเนอร์ยี จำกัด (“SSE”) เข้าซื้อหุ้นบุริมสิทธิใน บริษัท โซลคิด โซล่าร์ จำกัด (“SOLKIT”)
2. อนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ในประเทศฮ่องกง SUPER ENERGY (HONGKONG) CO,.LIMITED. : SE (Hongkong)
3. อนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ในประเทศสิงคโปร์ Suer Energy (EAST)1 PTE :SE-EAST1เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในต่างประเทศ
4. อนุมัติปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน บริษัท ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี จำกัด
5. อนุมัติปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน Super Wind Energy (Hongkong)1 (SWE-HK1)
6. อนุมัติการปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน Super Energy (East) Pte (SE-EAST)
7. อนุมัติให้บริษัท กรีน เพาเวอร์ เอ็นเนอร์จี จำกัด (GPE) เพิ่มทุนจดทะเบียน 135.0 ลบ.
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 7/2563 ดังนี้
1. อนุมัติให้ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี กรุ๊ป จำกัด ทำรายการจำหน่ายเงินลงทุนใน SWEC1 ให้กับ Cong Ly Construction-Commerce-Tourism Company Limited (Cong Ly) สัดส่วนร้อยละ 50.99
1. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียดนามจำนวน 3 โครงการ ได้แก่ Loc ninh1-3 กำลังการผลิตรวม 550 เมกกะวัตต์ ได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 1/2562 ดังนี้
1. อนุมัติการเข้าให้ความช่วยเหลือทางการเงินตามสัญญากู้ยืมเงิน (Sponsor Loan Agreement) ในวงเงินรวม 2,025.9 ล้านบาท แก่บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ของบริษัท ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี 5 จำกัด (“SEE 5”) และการเข้าลงนามในสัญญากู้ยืมเงินกับสถาบันการเงิน ในวงเงินรวม 2,025.9 ล้านบาท ของบริษัท ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี 5 จำกัด (“SEE 5”)
2. อนุมัติให้บริษัทย่อยของบริษัทเข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นในบริษัทที่เป็นเจ้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่ประเทศเวียดนาม จำนวน 2 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวมสูงสุด 250 เมกะวัตต์
3. อนุมัติให้บริษัท ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี 8 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียน และแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิ ข้อ 5. (ทุน) ของบริษัท
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 2/2562 ดังนี้
1. อนุมัติให้บริษัท ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี จำกัด จำหน่ายเงินลงทุนในหุ้นสามัญในบริษัท เมืองไทยน่าอยู่ จำกัด ให้กับบริษัท เอนเนอร์จี รีพลับบลิค จำกัด
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 3/2562 ดังนี้
1. อนุมัติการเข้าลงทุนในบริษัท ซุปเปอร์ วอเตอร์ จำกัด และ บริษัท กิจการร่วมค้า ไทยพานิชนาวา ก่อสร้าง และ แหล่งน้ำไทย จำกัด
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 4/2562 ดังนี้
1. อนุมัติให้ บริษัท ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์โดยการลงทุนใน บริษัท เมืองไทยน่าอยู่ จำกัด
2. อนุมัติให้ บริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ เอนเนอร์ยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์โดยการลงทุนใน บริษัท อพอลโล่ โซลาร์ จำกัด
3. อนุมัติการปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน บริษัท ซุปเปอร์ สปีด คอนสตรัคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท
4. อนุมัติการจัดตั้งบริษัท ซุปเปอร์ วอเตอร์ พีพีเอส จำกัด ซึ่งเป็นย่อยแห่งใหม่ของบริษัท
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 5/2562 ดังนี้
1. อนุมัติให้ บริษัท ซุปเปอร์ วินด์ เอนเนอร์ยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนและแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิ ข้อ 5. (ทุน) ของบริษัท
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 6/2562 ดังนี้
1. อนุมัติให้บริษัท ดับเบิ้ลยู อาร์ พี อีเนอร์จี จำกัด เป็นบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลักของบริษัท (บริษัทแกน)
2. อนุมัติให้บริษัทย่อย ซึ่งตั้งอยู่ที่ ประเทศเวียดนาม เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 7/2562 ดังนี้
1. อนุมัติให้ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ เอนเนอร์ยี จำกัด เข้าลงนามเอกสารคำขอ, เอกสารสัญญา, ข้อตกลงต่างๆ กับธนาคาร สำหรับโครงการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โครงการ Thinh Long) ในประเทศเวียดนาม
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครัง้ ที่ 1/2561 ดังนี้
1. อนุมัติการแก้ไขชื่อบริษัท รวมทั้งแก้ไขเปลี่ยนแปลงตราประทับบริษัท และแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิเรื่องชื่อของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขชื่อบริษัท
2. อนุมัติการเพิ่มจำนวนกรรมการและแต่งตัง้ กรรมการใหม่ของบริษัท
3. อนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครัง้ ที่ 2/2561 ดังนี้
1. อนุมัติให้ บจ.ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี เข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์โดยการลงทุนในบจ.เมืองไทยน่าอยู่ และทำให้บริษัทเข้าถือหุ้นทางอ้อมใน บจ.หนองคายน่าอยู่
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครัง้ ที่ 4/2561 ดังนี้
1. อนุมัติเรื่องการตัง้ บริษัทย่อยแห่งใหม่ของบริษัท (SUPER SOLAR (THAILAND))
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครัง้ ที่ 7/2561 ดังนี้
1. อนุมติการเข้าทำธุรกรรมเกี่ยวกับการได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ ระหว่าง บริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด กับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานฯ
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครัง้ ที่ 9/2561 ดังนี้
1. อนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ของบริษัทฯ ในประเทศฮ่องกง เพื่อรองรับการขยายงานโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในต่างประเทศ
2. อนุมัติการจัดตัง้ บริษัทย่อยแห่งใหม่ของบริษัทฯ ในประเทศฮ่องกง เพื่อรองรับการขยายงานโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมในต่างประเทศ
3. อนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ของบริษัทฯ ในประเทศ เพื่อรองรับโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานขยะ(SUPER-EARTH8)
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครัง้ ที่ 10/2561 ดังนี้
1. อนุมัติให้ SUPER SOLAR ENERGY GROUP ( HONGKONG ) 1 Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเข้าลงทุนโดยการเข้าซื้อหุ้นโดยทางตรงและทางอ้อมใน Nam Veit Phan Lam Co.,Ltd ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 36.72 เมกะวัตต์ ที่ประเทศเวียดนาม “โครงการPhan Lam1”
2. อนุมัติให้ SUPER SOLAR ENERGY GROUP (HONGKONG ) 1 Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเข้าลงทุนโดยการเข้าซื้อหุ้นโดยทางอ้อมใน Everich Binh Thuan Energy Limited Liability Company ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของโครงการผลิตไฟฟ้ าจากพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 50 เมกะวัตต์ ที่ประเทศเวียดนาม “โครงการ Binh An”
3. อนุมติให้ Super Energy (East) Pte Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเข้าลงทุนโดยการเข้าซื้อหุ้นโดยทางอ้อมใน Sinenergy Ninh Thuan Power Limited Liability Companyซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของโครงการผลิตไฟฟ้ าจากพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 50 เมกะวัตต์ ที่ประเทศเวียดนาม “โครงการ Sinenergy NinhThuan”
หมายเหตุ ภายหลังได้มีการพิจารณาเปลี่ยนแปลงผู้เข้าลงทุนเป็น SUPER ENERGY GROUP(HONGKONG) CO.,LTD เป็นผู้เข้าลงทุน
4. ให้ บริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ เอนเนอร์ยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์โดยการเข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้น ของ บริษัท พีที ไดร์ว (ประเทศไทย) จำกัด
5. อนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ของ บริษัทฯ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานขยะในประเทศ (SUPER-EARTH9)
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครัง้ ที่ 11/2561 ดังนี้
1. อนุมัติให้ SUPER SOLAR ENERGY (HONGKONG) 2 Co.,Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเข้าลงทุนโดยการเข้าซื้อหุ้นใน Van Giao Solar Power Joint Stock Company ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 50 เมกะวัตต์ ที่ประเทศเวียดนาม “โครงการ Van Giao1”
2. อนุมัติให้ SUPER SOLAR ENERGY (HONGKONG) 2 Co.,Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเข้าลงทุนโดยการเข้าซื้อหุ้นใน Van Giao Solar Energy Joint Stock Company ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 50 เมกะวัตต์ ที่ประเทศเวียดนาม “โครงการ Van Giao2”
3. อนุมัติให้บริษัท ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี 5 จำกัด ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด โดยบริษัทได้รับการสนับสนุนแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินในประเทศแห่งหนึ่ง
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 1/2560 ดังนี
1) อนุมัติการโอนส่วนเกินมูลค่าหุ้น เพื่อชดเชยผลการขาดทุนสะสมของบริษัท
2) อนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้บริษัท โดยมีมูลค่าเสนอขายไม่เกิน 1,500 ล้านบาท
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 4/2560 ดังนี้
1) บจ.กรีน เพาเวอร์ เอ็นเนอร์จี เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 405 ล้านบาท
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 5/2560 ดังนี้
1) จัดตั้งบริษัท ซุปเปอร์ วินด์ เอนเนอร์ยี จำกัด โดยมีทุนจดทะเบียน 0.1 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลม ในต่างประเทศ
บริษัทมีการใช้สิทธิแปลงสภาพ SUPER-W3 (ครั้งสุดท้าย) จำนวน 7,088 หุ้น ส่งผลให้บริษัทมีทุนเรียกชำระแล้วจำนวน 2,734.95 ล้านบาท
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้ง ที่ 6/2560 ดังนี้
1) เพิ่มทุนจดทะเบียน จำนวน 546,989,312.10 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 2,734,946,560.70 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 3,281,935,872.80 บาท โดยออกหุ้นสามัญจำนวน 5,469,893,121 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิ SUPER-W4
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 7/2560 ดังนี้
1) จัดตั้งบริษัท ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี 6 จำกัด โดยมีทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานขยะ
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 8/2560 ดังนี้
1) อนุมัติการเข้าซื้อหุ้นสามัญ และ/หรือ หุ้นบุริมสิทธิ ในบริษัทย่อยของบริษัท ได้แก่ บจ.เอส ทู พี อีเนอร์จี โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น 51% ทั้งนี้ภายหลังการเข้าทำรายการจะมีสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 100% และ บจ.มีเดีย มาร์ค โดยมีสัดส่วนการถือห้นุ 70% ทั้งนี้ภายหลังการเข้าทำรายการจะมีสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 86%
2) บจ.ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี 6 เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 182 ล้านบาท
3) บริษัทได้ลงนามความร่วมมือ (MOA) เพื่อพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมขนาดกำลังการผลิตรวม 698 เมกะวัตต์ ในประเทศเวียดนาม ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประเทศไทย และ นายเหงียน ซาน ฟุก นายกรัฐมนตรี ประเทศเวียดนาม เป็นสักขีพยาน
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 9/2560 ดังนี้
1) บจ.ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี 2 เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 116 ล้านบาท
2) บจ.ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี 3 เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 136 ล้านบาท
3) บจ.ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี 5 เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 128 ล้านบาท
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 10/2560 ดังนี้
1) บจ.ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี 4 เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 120 ล้านบาท
SUPER-W4 เริ่มซื้อขายวันที่ 22 กันยายน 2560
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 12/2560 ดังนี้
อนุมัติในหลักการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ของบริษัท ในประเทศเวียดนาม เพื่อรองรับการลงทุนโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม รวม 6 บริษัท โดย บจ.ซุปเปอร์ วินด์ เอนเนอร์ยี ถือหุ้น 51% และบริษัทผู้ร่วมทุนในประเทศเวียดนาม ถือห้นุ 49%
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่13/2560 ดังนี้
1) อนุมัติเข้าลงทุนในบริษัทที่เป็นผู้สนับสนุนโครงการผลิตกระแสไฟฟ้ าจากแสงอาทิตย์ติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร พ.ศ.2560 จำนวนรวม 23 เมกะวัตต์
2) อนุมัติการเข้าซื้อหุ้นสามัญและ/หรือ หุ้นบุริมสิทธิ ในบริษัทย่อยของบริษัท ได้แก่ บจ.ดับเบิ้ล ยู อาร์ พี อีเนอร์จี โดยมีสัด ส่วนการถือหุ้น 51% ทั้งนี้ภายหลังการเข้าทำรายการจะมีสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 100% และบจ.นอร์ธ อีสต์ ฟิวเจอร์ อีเนอร์จี โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น 51% ทั้งนี้ภายหลังการเข้าทำรายการจะมีสัดส่วนการถือหุ้น เป็น 100%
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 15/2560 ดังนี้
1) บจ.ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,000 ล้านบาท
2) บจ.ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี 1 เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,000 ล้านบาท
3) บจ.อีเลคตริก้า เอเชีย เพาเวอร์ เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 206 ล้านบาท
บริษัทมีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 16/2560 ดังนี้
1) อนุมัติจำหน่ายเงินลงทุนของ บจ.ซุปเปอร์บล็อก เซาท์ ซึ่งเป็นผลให้สิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยของบริษัท
บริษัทมีมติการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 1/2559 ดังนี้
1. เข้าซื้อหุ้นบริษัท ดับบลิวเอ็กซ์เอ 4 จำกัด, บริษัท ดับบลิวเอ็กซ์เอ 5 จำกัด, บริษัท ดับบลิวเอ็กซ์เอ 6 จำกัด, บริษัท ดับบลิวเอ็กซ์เอ 7 จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิตรวม 23.80 MW มูลค่ารวม 121.38 ล้านบาท
2. เข้าซื้อหุ้นบริษัท นอร์ธ อีสต์ ฟิวเจอร์ อีเนอร์จี จำกัด และ บริษัท เอส ทู พี อีเนอร์จี จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิตรวม 42 MW มูลค่ารวม 320.60 ล้านบาท
3. เข้าซื้อหุ้นบริษัท โซลคิด โซล่าร์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิตรวม 6 MW มูลค่ารวม 16.41 ล้านบาท
บริษัทมีมติจัดตั้ง บริษัท ซุปเปอร์ เอิรธ์ เอนเนอร์ยี จำกัด (“SUPER EARTH”) และ บริษัท ซุปเปอร์ สกาย เอนเนอร์ยี จำกัด (“SUPER SKY”) เพื่อรองรับการดำเนินการโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานขยะ โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 และร้อยละ 70 ของทุนจดทะเบียน ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 1/2558 และ 2/2558 ตามลำดับ
1. บริษัทมีมติอนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (Par Value) ของบริษัท จากเดิมมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เป็นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท
2. บริษัทมีมติลดทุนจดทะเบียนโดยการตัดหุ้นสามัญที่ยังมิได้นำออกจำหน่ายทั้งหมดจำนวน 16,985 หุ้น และมีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 506.82 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญจำนวน 5,068.19 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 2,630.59 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 3,137.41 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2558
โดยมีมติจัดสรร ดังนี้
1) จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 20 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ จำนวน 1,007.46 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.70 บาท/หุ้น
2) จัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด และหรือผู้ลงทุนสถาบัน จำนวน 2,000 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ 2.50 บาท/หุ้น
3) จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญรุ่นที่ 3 ที่เสนอขายควบคู่กับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราส่วน 20 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ต่อ 2 ใบสำคัญแสดงสิทธิ จำนวน 2,014.93 ล้านหุ้น
4) จัดสรรหุ้นสามัญเพื่อรองรับการปรับสิทธิของการใช้สิทธิของผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญรุ่นที่ 1 และ 2 จำนวน ไม่เกิน 20.82 ล้านหุ้น และ 24.98 ล้านหุ้น ตามลำดับ
บริษัทมีมติการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ โดยเข้าซื้อหุ้นในบริษัท มิเลนเนี่ยม แอคท์ จำกัด (“MIL”) มูลค่ารวมประมาณ 314.59 ล้านบาท ซึ่งการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้มีผลทำให้ SSE เข้าถือหุ้นทางอ้อมใน บจ. 17อัญญวีร์ โฮลดิ้ง (“17AYH”), บจ. เฮลท์แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) (“HPM”), บจ. อีเลคตริก้า เอเชีย เพาเวอร์ (“ELT”) และ บจ. มีเดียมาร์ค (“MM”) ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิตรวม 131.6 MW ตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558
บริษัทมีมติจัดตั้ง บริษัท เอ็นเนอร์จี เซิฟ แลนด์ จำกัด “(ESERV LAND”) เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของบริษัท และ/หรือเพื่อเป็นการรองรับธุรกิจใหม่ของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียน
บริษัทมีมติจัดตั้ง บริษัท พาวเวอร์ เทคโนโลยี อินเตอร์เนชั่นแนล แลนด์ จำกัด (“PTIL”) และบริษัท เอ็น.พี.เอส.สตาร์.แลนด์ จำกัด (“NPSL”) เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของบริษัท และ/หรือเพื่อเป็นการรองรับธุรกิจใหม่ของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียน ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 6/2558
บริษัทมีมติจัดตั้งบริษัทย่อย และการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 7/2558 ดังนี้
1. บริษัทมีมติจัดตั้ง บริษัท ซุปเปอร์ เอิรธ์ เอนเนอร์ยี 1 จำกัด (“EARTH1”), บริษัท ซุปเปอร์ เอิรธ์ เอนเนอร์ยี 2 จำกัด(“EARTH2”), บริษัท ซุปเปอร์ เอิรธ์ เอนเนอร์ยี 3 จำกัด(“EARTH3”), บริษัท ซุปเปอร์ เอิรธ์ เอนเนอร์ยี 4 จำกัด (“EARTH4”), บริษัท ซุปเปอร์ เอิรธ์ เอนเนอร์ยี 5 จำกัด(“EARTH5”) และ บริษัท เจนเนอรัส แลนด์ จำกัด(“GNRL”) เพื่อเป็นการรองรับการขยายธุรกิจของบริษัท และ/หรือเพื่อเป็นการรองรับธุรกิจใหม่ของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียน
2. บริษัทมีมติการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ โดยเข้าซื้อหุ้นใน บริษัท นอร์ท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด (“NSL”) ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 8 MW มูลค่ารวม 44 ล้านบาท
บริษัทมีมติการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 9/2558 ดังนี้
1. เข้าซื้อหุ้นใน บริษัท ตั้งแซเยี้ยงกรีนพาวเวอร์ วัน จำกัด (“TSG1”) ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิในคำขอจำหน่ายไฟฟ้าฯเพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 4 MW มูลค่ารวม 26 ล้านบาท
2. เข้าซื้อหุ้นใน บริษัท เอส ที เอฟ อี โซ่ล่าจำกัด (“STFES”) ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิในคำขอจำหน่ายไฟฟ้าฯเพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 8 MW มูลค่ารวม 36 ล้านบาท
3. เข้าซื้อหุ้นใน บริษัท อพอลโล่ โซล่าร์ จำกัด (“APL") ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 5.4 MW มูลค่ารวม 42.50 ล้านบาท
บริษัทมีมติจัดตั้ง บริษัท เวิลด์ เอ็กซ์เชนจ์ เอเชีย แลนด์ จำกัด (“WXAL”) เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของบริษัท และเพื่อเป็นการรองรับธุรกิจใหม่ของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียน ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 11/2558
บริษัทมีมติการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ ตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2558 ดังนี้
1. เข้าซื้อหุ้นบริษัท พาวเวอร์ เทคโนโลยี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (“PTI") ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 55.60 MW มูลค่ารวม 272.44 ล้านบาท
2. เข้าซื้อหุ้นบริษัท เอ็นเนอร์จี เซิฟ จำกัด (“ESERVE") ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 81.45 MW มูลค่ารวม 403.72 ล้านบาท
3. เข้าซื้อหุ้นบริษัท อินฟินิท อัลเทอร์เนทีฟ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (“IAE") ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ใน บริษัท รางเงิน โซลูชั่น จำกัด (“RNS”) ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 87 MW มูลค่ารวม 290 ล้านบาท
4. เข้าซื้อหุ้นบริษัท อามานูฟ จำกัด (“AMN") ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 30 MW โดยมีมูลค่าการซื้อหุ้นรวม 72 ล้านบาท
5. เข้าซื้อหุ้นบริษัท ศรีนาคา จำกัด (“SNP”) ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 36 MW โดยมีมูลค่าการซื้อหุ้นรวม 122.40 ล้านบาท
บริษัทมีมติการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ โดยเข้าซื้อหุ้นในบริษัท เอสพีพี ซิค จำกัด (“SPP6”) ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 41 MW มูลค่ารวม 848 ล้านบาท ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ 13/2558
บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี กรุ๊ป จำกัด เข้าทำรายการโอนหุ้นพร้อมทั้งชำระเงินค่าหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ของบริษัท รูทฟาร์ม จำกัด จำนวน 1 ราย ได้แก่ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี กรุ๊ป จำกัด จำนวน 1,069,998 หุ้น เป็นจำนวน 177.88 ล้านบาท
บริษัทมีมติการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ โดยซื้อหุ้นบริษัท โปร โซล่าร์ วัน จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ มูลค่ารวม 325,298,251 บาท ตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2557
บริษัทมีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 951,495,040 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 335,821,779 หุ้น ในอัตราส่วน 5 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 8.00 บาท และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อรองรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญรุ่นที่ 1 และ 2 จำนวน 279,851,482 หุ้น และ 335,821,779 หุ้น ตามลำดับ
บริษัทเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 335,816,430 หุ้น ในอัตราส่วน 5 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ส่งผลให้ภายหลังการเพิ่มทุนบริษัทมีทุนจดทะเบียนเท่ากับ 2,630,603,932 บาท และทุนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 2,014,925,322 บาท ตามที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 1/2557
บริษัทมีมติการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ โดยซื้อหุ้นบริษัท พีทีไดร์ว (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ มูลค่ารวม 315 ล้านบาท ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ 9/2557
บริษัทมีมติการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ โดยซื้อหุ้นบริษัท กรีน ไบ-โอ มหาสารคาม จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ มูลค่ารวม 59.77 ล้านบาท ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท 10/2557
บริษัทมีมติเพิ่มทุนจดทะเบียน จำนวน 1,050 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 1,050 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยได้อนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ จำนวน 629.11 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.29 บาท และบุคคลในวงจำกัด และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน จำนวน 420.89 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.29 บาท ทั้งนี้ หุ้นเหลือจากการจัดสรรหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม บริษัทจะเสนอขายหุ้นส่วนที่เหลือให้กับบุคคลในวงจำกัด และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน ในราคาหุ้นละ 1.29 บาท ภายในระยะเวลา 12 เดือนหลังจากที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 2/2556
บริษัทเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 629.11 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.29 บาท ส่งผลให้ภายหลังการเพิ่มทุนบริษัทมีทุนจดทะเบียนเท่ากับ 1,679.11 ล้านบาท และทุนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 766.54 ล้านบาท
บริษัทฯเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 58.75 ล้านหุ้น ให้แก่นักลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง (Private Placement)3 ราย ได้แก่ นางสาวนันทิดา กิตติอิสรานนท์ จำนวน 50 ล้านหุ้น, นางทัชวรรณ สายเชื้อ จำนวน 4.75 ล้านหุ้น และนายทัศนัย สุทัศน์ ณ อยุธยา จำนวน 4 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.29 บาท ส่งผลให้ภายหลังการเพิ่มทุนบริษัทฯมีทุนจดทะเบียนเท่ากับ 1,679.11 ล้านบาท และทุนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 825.29 ล้านบาท
บริษัทฯเข้าดำเนินการ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท 7/2556 ดังต่อไปนี้
1) การจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ คือ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี กรุ๊ป จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจการลงทุนโดยการถือหุ้นในบริษัทที่ดำเนินโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 100.00%
2) การเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ โดยให้บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รูทฟาร์ม จำกัด จำนวน 1,069,998 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 มูลค่ารวมประมาณ 183,158,753 บาท จากบริษัท 77 เอนเนอร์ยี จำกัด และเนื่องจาก ปัจจุบัน RFARM ถือหุ้นในบริษัท รูทซัน จำกัด จำนวน 899,998 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท รวมเป็นมูลค่า 89,999,800 บาท คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 100.00 ของทุนจดทะเบียน ดังนั้น การเข้าซื้อหุ้นของ SUPER ENERGY ในครั้งนี้ จึงมีผลทำให้เป็นการเข้าถือหุ้นโดยทางอ้อมใน บริษัท รูทซัน จำกัด ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ด้วยระบบ Solar Cell ในสัดส่วนร้อยละ 100.00
บริษัทฯเสนอขายเพิ่มทุนจำนวน 150 ล้านหุ้น ให้แก่นักลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง (Private Placement) 1 ราย ได้แก่ นางดาราณี อัตตะนันท์ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.29 บาท ส่งผลให้ภายหลังการเพิ่มทุนบริษัทฯมีทุนปจดทะเบียนเท่ากับ 1,679.11 ล้านบาท และทุนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 975.29 ล้านบาท
บริษัทฯเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 90.86 ล้านหุ้น ให้แก่นักลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง (Private Placement) 1 ราย ในราคาเสนอขายต่อหุ้น 0.56 ล้านบาท ส่งผลให้ภายหลังการเพิ่มทุนบริษัทฯมีทุนจดทะเบียนเท่ากับ 629.11 ล้านบาท และทุนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 629.11 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯได้นำเงินจากการเพิ่มทุนจำนวน 50.88 ล้านบาท ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการทั้งหมด
บริษัทฯเข้าดำเนินการดังต่อไปนี้ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท 6/2555
1) เข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ โดยเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท โอเพ่น เทคโนโลยี จำกัด(มหาชน) (“OPEN”) จำนวน 30,499,994 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวมเป็นจำนวนทั้งหมด 30,499,994 บาท จากผู้ถือหุ้นเดิม OPEN จำนวน 2 ราย ได้แก่ หม่อมราชวงศ์ภูมินทร์ วรวรรณ และ บริษัท ไอ.ที.อี-คอมเมิร์ซ จำกัด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 76.25 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2556 บริษัทได้รับโอนหุ้น OPEN พร้อมทั้งชำระเงินค่าหุ้นเป็นที่เรียบร้อย
2) เข้าทำรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ โดยขายทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีตมวลเบาของบริษัทฯ ให้กับบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด(มหาชน) และ/หรือ บริษัทย่อยของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด(มหาชน) (“SCCC”) รวมเป็นราคาขายจำนวนทั้งสิ้น 500,000,000 บาท (ห้าร้อยล้านบาท) และอนุมัติให้ลงนามในสัญญาจะซื้อจะขายทรัพย์สิน (Asset Sale and Purchase Agreement) สัญญาข้อตกลงไม่แข่งขันทางธุรกิจ (Non-Competition Agreement) และสัญญาบัญชีเงินฝากเพื่อรับเงินมัดจำ (Escrow Agreement) ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯมีการเจรจาตกลงกับ SCCC โดยสัญญาทั้ง 3 ฉบับ ดังกล่าว จะมีผลตามกฎหมายก็ต่อเมื่อได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯก่อน ทั้งนี้ บริษัทฯได้จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2556 เพื่อขอนุมัติการเข้าทำรายการดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556 ซึ่งที่ประชุมได้มีมติอนุมัติให้เข้าทำรายการดังกล่าว และในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 บริษัทได้ทำการขายทรัพย์สินในการดำเนินธุรกิจของบริษัทให้กับ บริษัท อินทรี ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 500 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
บริษัทมีมติลดทุนจดทะเบียนโดยการตัดหุ้นสามัญที่ยังมิได้นำออกจำหน่ายทั้งหมดจำนวน 203.17 ล้านหุ้น และมีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนจากจำนวน 471.83 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 629.11 ล้านบาท โดยนำหุ้นสามัญที่ออกใหม่จำนวน 157.28 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 3 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.56 บาท และในกรณีที่มีหุ้นเหลือ บริษัทจะเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด และ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน ภายในระยะเวลา 12 เดือนหลังจากวันที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 1/2554
บริษัทเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 157.28 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 3 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.56 บาท ส่งผลให้ภายหลังการเพิ่มทุนบริษัทมีทุนจดทะเบียนเท่ากับ 629.11 ล้านบาท และทุนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 538.25 ล้านบาท
บริษัทมีมติลดทุนจดทะเบียนโดยการตัดหุ้นสามัญที่ยังมิได้นำออกจำหน่ายทั้งหมดจำนวน 50 ล้านหุ้น และมีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนจากจำนวน 450 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 675 ล้านบาท โดยนำหุ้นสามัญที่ออกใหม่จำนวน 225 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน และในกรณีที่มีหุ้นเหลือ บริษัทจะเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด และ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน ตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 1/2553
กุมภาพันธ์ 2553 บริษัทเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 225 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.67 บาท ทั้งนี้ ภายหลังการเพิ่มทุนบริษัทมีทุนจดทะเบียนเท่ากับ 675 ล้านบาท และทุนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 471.83 ล้านบาท
บริษัทยกเลิกบันทึกข้อตกลงซื้อขายหุ้นบริษัท มายรีสอร์ท โฮลดิ้ง จำกัด จำนวน 9,999,994 หุ้น จากหม่อมราชวงศ์ศศิจุฑาภา วรวรรณ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 3/2553
บริษัทลงนามในบันทึกข้อตกลงซื้อขายหุ้นบริษัท อิควิตี เรสซิเดนเชียล จำกัด จำนวน 2,000,000 หุ้น จากนายสวิจักร์ โลจายะ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 1/2552
บริษัทลงนามในบันทึกข้อตกลงซื้อขายหุ้นบริษัท มายรีสอร์ท โฮลดิ้ง จำกัด จำนวน 9,999,994 หุ้น จากหม่อมราชวงศ์ศศิจุฑาภา วรวรรณ และยกเลิกบันทึกข้อตกลงซื้อขายหุ้นบริษัท อิควิตี เรสซิเดนเชียล จำกัด จำนวน 2,000,000 หุ้น จากนายสวิจักร์ โลจายะ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 5/2552
บริษัทมีมติลดทุนจดทะเบียนโดยการตัดหุ้นสามัญที่ยังมิได้นำออกจำหน่ายทั้งหมดจำนวน 13.5 ล้านหุ้น และมีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนจากจำนวน 300 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 500 ล้านบาท โดยนำหุ้นสามัญที่ออกใหม่จำนวน 200 ล้านหุ้นจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด และ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน ตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2551
บริษัทเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 150,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ให้แก่ผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง จำนวน 2 ราย ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.67 บาท ส่งผลให้ภายหลังการเพิ่มทุนบริษัทมีทุนจดทะเบียนเท่ากับ 500 ล้านบาท และทุนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 450 ล้านบาท
จดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก เซาท์ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีตมวลเบา โดยมีแผนที่จะตั้งโรงงานทางภาคใต้ของประเทศไทย ทั้งนี้บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 100.00%
บริษัทมีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 210 ล้านบาท เป็น 313.50 ล้านบาท ( 313.50 ล้านหุ้น) โดยการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน 90 ล้านบาท (จำนวน 90 ล้านหุ้น) ส่วนที่เหลือ 13.5 ล้านบาท (จำนวน 13.5 ล้านหุ้น ) จัดสรรเพื่อรองรับการใช้สิทธิที่จะซื้อหุ้นของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ในกรณีของการจัดสรรหุ้นส่วนเกินตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง
หุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 90 ล้านหุ้น เปิดให้นักลงทุนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นวันแรก
จดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท ซุปเปอร์ สปีด คอนสตรัคชั่น จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจรับติดตั้งผนัง กำแพง หรือดำเนินการก่อสร้าง, รับเหมาก่อสร้าง (Turn Key) ด้วยผลิตภัณฑ์ของ ซุปเปอร์บล๊อก ทั้งนี้บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 100.00%
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
วัตถุประสงค์ในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลจำเป็นต้องได้รับความคุ้มครองป้องกันอย่างเข้มงวด เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูล ไม่ว่าจะจัดทำขึ้นในรูปแบบใดและผ่านช่องทางใด บริษัทฯ จึงได้จัดทำมาตรความปลอดภัยนี้ขึ้น
เพื่อให้ความยินยอมแก่บริษัทฯ ในการดำเนินการจัดเก็บ ประมวลผล หรือนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ตามวัตถุประสงค์ ดังนี้
· เพื่อติดต่อสื่อสาร แจ้งข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ และบริการของบริษัทฯ และนำเสนอโครงการที่ลูกค้าอาจจะสนใจ
· เพื่อจัดทำแผนการตลาด วิเคราะห์ ประมวลผลข้อมูลการใช้ รวมถึงการปรับปรุง พัฒนาผลิตภัณฑ์ และการบริการของบริษัทฯ
· ส่งให้แก่บุคคลที่สามหรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทฯ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการของบริษัท
นโยบายการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
เนื่องด้วยปัจจุบันเทคโนโลยีได้พัฒนาอย่างก้าวไกล ทางบริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทในเครือ (“บริษัท”) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการจัดเก็บฐานข้อมูลของลูกค้าผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน โดยเฉพาะการป้องกันข้อมูลให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายที่นำมาใช้บังคับ คือ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พุทธศักราช 2562
โดยนโยบายนี้ใช้สำหรับการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (“บริษัท”) สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ไว้ผ่านช่องทางของบริษัท ทั้ง Offline และ Online เช่น เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน โซเชียลมีเดีย (“Platform”) ซึ่งได้จัดทำขึ้นเพื่อให้ท่านสามารถค้นหา เยี่ยมชม ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการ ของบริษัท และ/หรือ คู่ค้า (Business Partner) ของบริษัท เช่น
· ข้อมูล ข่าวสาร โปรโมชั่น ของผลิตภัณฑ์และการบริการ
· การดำเนินการใดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ
ก่อนที่ท่านจะใช้งานเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นนี้ ขอความร่วมมือท่านอ่านข้อกำหนด เงื่อนไข และนโยบายการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคล หากท่านไม่สามารถยอมรับข้อกำหนด เงื่อนไขและนโยบายการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ใคร่ขอให้ท่านยุติการใช้งานเว็บไซต์นี้ทันที หากท่านตกลงใช้งานต่อไป ถือว่าท่านยินยอมตามข้อกำหนด เงื่อนไข และนโยบายการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัท มีนโยบายการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้
1. คำนิยามศัพท์
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
“มาตรการ” หมายถึง มาตรการความปลอดภัยเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
“บริษัท” หมายถึง บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)และบริษัทในเครือ รวมถึงบริษัทร่วมทุน
“เจ้าของข้อมูล” หมายถึง ลูกค้า หรือผู้ใช้บริการเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่นของบริษัท
“คุกกี้ (Cookies)” หมายถึง ข้อมูลที่ได้ส่งจากเว็บไซต์ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ ในขณะที่ผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์นั้นกำลังเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์
“Log” หมายถึง ข้อมูลที่เกิดจากการใช้งานแอปพลิเคชั่น ซึ่งรวมถึงแหล่งกำเนิด ต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลา ชนิดของบริการ หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานของแอปพลิเคชั่น
2. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
2.1 บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้รับ โดยทางตรงหรือทางอ้อม อันประกอบด้วย
o ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล เพศ อายุ สัญชาติ วันเกิด สถานภาพสมรส ที่อยู่ อาชีพ สถานที
ทำงาน รหัสไปรษณีย์ ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Email address) หมายเลขโทรศัพท์
o ข้อมูลสิ่งที่ท่านสนใจ เช่น รูปแบบผลิตภัณฑ์และการบริการที่ท่านสนใจ งานอดิเรก กิจกรรม Social
Network ที่ใช้ประจำ กีฬา หรือการท่องเที่ยว และอื่นๆ
o ข้อมูลในการตัดสินใจเลือกหรือไม่เลือกผลิตภัณฑ์และการบริการ เช่น เหตุผลในการซื้อ หรือเลือกที
อยู่อาศัย งบประมาณ วัตถุประสงค์ ผลิตภัณฑ์อื่นที่ใช้เปรียบเทียบ ความเห็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการบริการ ข้อมูลการเข้าชมผลิตภัณฑ์และการบริการ
o ข้อมูลซึ่งระบุตำแหน่งพื้นที่ของท่านขณะที่ใช้งานเว็บไซต์ กรณีที่ท่านเปิดการใช้งานระบบ GPS ให้ถือ
ว่าท่านให้ความยินยอมกับบริษัทในการเก็บรวบรวมและประมวลผลตำแหน่งพื้นที่ของท่านขณะใช้งานดังกล่าว อย่างไรก็ตามถ้าท่านต้องการปกปิดข้อมูลนี้ ท่านสามารถติดตั้งโปรแกรมหรือปิดระบบ GPS บนโทรศัพท์มือถือของท่านได้
o พฤติกรรมการสืบค้นข้อมูลในเว็บไซต์ โดยบริษัทมีสิทธิใช้คุกกี้ (Cookies) เป็นเครื่องมือในการเก็บ
รวบรวมข้อมูล เช่น
§ หมายเลขไอพี (IP address)
§ ชนิดของเว็บเบราว์เซอร์ (Web browser) ที่ใช้ในการเข้าถึง
§ หน้าเว็บ (Web page) ที่เข้าเยี่ยมชม
§ เวลาที่เยี่ยมชม
§ เว็บไซต์ที่อ้างถึงเว็บของบริษัท
o พฤติกรรมการใช้งานแอปพลิเคชั่น โดยจะมีการเก็บ Log การใช้งานของท่านจากบนแอปพลิเคชั่น
ของทางบริษัท
o ข้อมูลที่ท่านจำเป็นต้องให้ไว้แก่บริษัท และบริษัทสามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้ตามที่
กฎหมายกำหนดโดยไม่ต้องขอความยินยอม ได้แก่
§ การให้ข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือ สัญญา หรือมีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลเพื่อเข้า
ทำสัญญา หรือข้อมูลอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทอาจไม่สามารถดำเนินการให้แก่ท่าน ตามที่ท่านประสงค์ หรือที่บริษัทได้แจ้งไว้ต่อท่าน หรือมีผลอื่นใดตามกฎหมาย
§ การให้ข้อมูลที่เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น การเก็บภาพของ
ท่านในการจัดกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท เป็นต้น
o ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ซึ่งบริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อน
2.2 บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพียงเท่าที่จำเป็น หรือเพื่อประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ใน
การเก็บรวบรวม และเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้นทั้งนี้ บริษัทอาจเก็บข้อมูลของโดยแปลงเป็นข้อมูลไม่ระบุตัวตนกรณีที่มีการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ หรือโฆษณาอื่นที่ไม่ใช่ของบริษัท นโยบายการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลจะเป็นไปตามที่เว็บไซต์นั้น ๆ กำหนด โดยบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
2.3 วิธีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล เช่น
o ผ่านช่องทางของบริษัท เช่น ทางอิเล็กทรอนิกส์ เอกสาร ด้วยวาจาตามสถานการณ์ หรือ
o ผ่านช่องทางของคู่ค้า/ผู้ให้บริการอื่น เช่น Facebook, Instagram, Twitter, Tiktok, Line, Google Analytics, Google Map, Google Tag Manager และ YouTube เพื่อการสร้างข้อมูลของท่าน (Profiles) หรือตัวแทน (Agent) เป็นต้น
2.4 เด็ก
บริษัทไม่มีเจตนาที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนตัวจากเด็กอายุน้อยกว่าเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด (“ข้อจำกัดด้านอายุ”) หากท่านมีอายุน้อยกว่าข้อจำกัดด้านอายุ โปรดอย่าใช้บริการของบริษัท และอย่าให้ข้อมูลส่วนตัวใดๆ แก่บริษัท
หากท่านเป็นบิดามารดาของเด็กที่มีอายุน้อยกว่าข้อจำกัดด้านอายุ และทราบว่าบุตรของท่านได้ให้ข้อมูลส่วนตัวแก่บริษัท โปรดติดต่อบริษัท และสามารถขอใช้สิทธิของท่านได้
หากท่านเป็นเด็กที่มีอายุน้อยกว่าข้อจำกัดด้านอายุ และมีความจำเป็นในการรับบริการและผลิตภัณฑ์ของบริษัท ขอให้บิดามารดาให้ความยินยอมในการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
3. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม/การใช้/การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
3.1 เพื่อการทำรายการตามที่ท่านประสงค์ เช่น กรณีท่านลงทะเบียนขอรับข้อมูล บริษัทจะจัดเก็บและใช้เฉพาะข้อมูลพื้นฐาน เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Email address) หมายเลขโทรศัพท์เพื่อใช้สำหรับติดต่อกลับ
3.2 เพื่อการแก้ไข ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น การจัดทำแผนการตลาด วิเคราะห์ข้อมูลการใช้ ประเมินการบริการ รวมถึงการปรับปรุง พัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการของบริษัท
3.3 เพื่อติดต่อสื่อสาร แจ้งข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท รวมถึงสิทธิประโยชน์ โปรโมชันที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ และบริการดังกล่าว หรือการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกี่ยวกับนโยบายการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคลในอนาคต
3.4 เพื่อดำเนินการตามสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญา รวมถึงกับคู่สัญญาที่บริษัทใช้บริการ เช่น แบ่งปันข้อมูลตำแหน่งพื้นที่ของท่าน กรณีบริษัทใช้บริการเพื่อการระบุตำแหน่งพื้นที่ของบุคคลอื่น
3.5 เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย เช่น เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล การศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสม ทั้งนี้เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของท่าน
3.6 เพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ได้แจ้งขณะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือวัตถุประสงค์อื่นที่เกี่ยวข้องกับข้อหนึ่งข้อใดข้างต้น
3.7 บริษัทจะไม่ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่ เป็นการใช้หรือเปิดเผยเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ข้างต้น หรือเป็นการเปิดเผยต่อบุคคลในบริษัท หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องตามสัญญา หรือดำเนินการตามกฎหมาย หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล หรือได้รับความยินยอมจากท่าน
4. ผู้ที่อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
4.1 คู่ค้าของบริษัท พนักงานของบริษัทที่เกี่ยวข้อง
4.2 ผู้ที่ได้รับอนุญาตเป็นตัวแทนของบริษัท ในการเสนอขายผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท รวมถึงตัวแทนผู
รับจ้างของบุคคลนั้น
4.3 บุคคลอื่น รวมถึงตัวแทน ผู้รับจ้างของบุคคลนั้น ซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท
การจัดกิจกรรมทางการตลาด การเสนอข้อมูลข่าวสารของบริษัท รวมถึงการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท เช่น การรับชำระเงิน การจัดทำข้อมูลเอกสาร ระบบเทคโนโลยี การส่งเอกสาร และการวิจัย เป็นต้น
4.4 หน่วยงานภาครัฐ หรือหน่วยงานกำกับดูแล หรือบุคคลใดที่บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูล ภายใต้กฎหมาย
ระเบียบ คำสั่ง ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท หรือตามข้อตกลงที่บริษัทมีต่อหน่วยงานภาครัฐ หรือบุคคลอื่นใด
5. การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
5.1 บริษัทใช้ Secure Socket Layer (SSL) ซึ่งเป็นมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่รับส่งผ่าน
อินเทอร์เน็ต รวมถึงมีการเข้ารหัสข้อมูลและจัดตั้ง Firewall โดย Secured Socket Layer (SSL) เป็นเทคโนโลยีในการเข้าสู่ข้อมูลผ่านรหัส เพื่อป้องกันผู้ที่แอบดักจับข้อมูลขณะที่มีการส่งผ่านเครือข่าย Internet การเข้าสู่ข้อมูลผ่านรหัสนี้จะทำให้ผู้ดักจับไม่สามารถเข้าใจความหมายของข้อมูลได้ นอกจากนี้ เทคโนโลยีนี้ยังใช้สำหรับการยืนยันความมีอยู่จริงของเว็บไซต์อีกด้วยบริษัทจะมีการปรับปรุงและทดสอบระบบเทคโนโลยีของบริษัทอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีความปลอดภัยสูงสุดและน่าเชื่อถือ ในการนี้ บริษัทสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงเครื่องมือการรักษาความปลอดภัย หากบริษัทเห็นว่าเครื่องมือดังกล่าวมีมาตรฐานสูงขึ้นและสามารถรักษาความปลอดภัยของข้อมูลได้ดีมากยิ่งขึ้น
5.2 กรณีบริษัททำความตกลงไว้กับบุคคลภายนอกในการพัฒนาและดูแลรักษาระบบ และการจัดสรร
ทรัพยากรหรือบริการในนามของบริษัท บุคคลภายนอกที่เข้ามาดำเนินงานให้บริษัท หรือดำเนินการในนามของบริษัท จะต้องตกลงรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเช่นกัน
6. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
6.1 ท่านที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอเข้าถึง ขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านซึ่งได้ให้ไว้
และอยู่ในความควบคุมของบริษัท หรือขอให้เปิดเผยการได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม เว้นแต่ เป็นการคุ้มครองเจ้าของข้อมูล หรือสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นการขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีอื่นตามที่กฎหมายกำหนด
6.2 ท่านสามารถแจ้งยกเลิกให้บริษัทใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความ
ยินยอมไว้ได้ภายหลังจากการยกเลิกดังกล่าว บริษัทอาจไม่สามารถให้บริการท่านได้อย่างเต็มความสามารถ หรือตามที่บริษัทได้แจ้งไว้ต่อท่านได้ ทั้งนี้ บริษัทอาจเก็บข้อมูลไว้เพื่อการตรวจสอบการให้บริการแก่ท่าน หรือเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยบริษัทจะไม่นำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นอีกต่อไป
6.3 หากบริษัทไม่ดำเนินการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด ท่านสามารถขอให้บริษัทดำ
เนินการทำลาย ลบ หรือระงับใช้ชั่วคราว หรือแปลงข้อมูลส่วนบุคคลให้อยู่ในรูปแบบข้อมูลที่ไม่ระบุชื่อ
6.4 สิทธิอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด เช่น สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล การระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
การคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
6.5 ท่านสามารถดำเนินการตามสิทธิข้างต้นโดยแจ้งทาง อีเมล: info@supercorp.co.th หรือ โทร 02-361-5599
โดยบริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาคำขอของท่าน ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่บริษัทได้รับคำขอดังกล่าว
7. กิจการเกี่ยวกับการตลาดและการส่งเสริมการตลาด
ในกรณีที่บริษัทส่งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการตลาด และการส่งเสริมการตลาด รวมถึงผลิตภัณฑ์ การบริการ และกิจการที่น่าสนใจให้แก่ท่าน หากท่านตกลงรับข้อมูลข่าวสารดังกล่าวแล้ว ประสงค์จะยกเลิกการรับข้อมูลดังกล่าว ท่านสามารถดำเนินการได้โดยแจ้งทางอีเมล: info@supercorp.co.th หรือ โทร 02-361-5599
8. ข้อยกเว้นการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่ไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อนโยบายการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคล เช่น
8.1 ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะแล้วตั้งแต่เวลาท่านได้เปิดเผยข้อมูลให้บริษัท หรือถูกเปิดเผยต่อสาธารณะโดยมิใช่ความผิดของบริษัท
8.2 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยได้รับความยินยอมจากท่านไม่ว่าเป็นลายลักษณ์อักษร หรือการอนุญาต
โดยวิธีการอื่นใด
8.3 การเปิดเผยข้อมูลตามความจำเป็น เนื่องจากกระทำตามกฎหมาย คำสั่ง กฎข้อบังคับ คำสั่งศาล
หน่วยงานของรัฐ หรือตามความจำเป็นอื่นใด
9. ระยะเวลาการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาเท่าที่จำเป็น เพื่อให้บริการแก่ท่าน หรือดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้
10. การปรับปรุงนโยบายการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคล / การติดต่อบริษัท
10.1 บริษัทอาจมีการปรับปรุงแก้ไข รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งหมดหรือ
บางส่วน ถ้ามีการแก้ไข บริษัทจะปรับปรุงนโยบายการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคลทางเว็บไซต์
10.2 ผู้ใช้งานสามารถแสดงความคิดเห็นต่อนโยบายการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ได้ที่ “ติดต่อ ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี ” ทั้งนี้ ผู้ใช้งานตกลงให้ดุลยพินิจของบริษัทถือเป็นที่สุด
่เว็บไซต์นี้ ให้บริการโดย บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ในที่นี้รวมเรียกว่า “SUPER” หรือ “เรา”) เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้และเครื่องมืออื่นเพื่อช่วยแยกแยะรูปแบบการใช้งานเว็บไซต์ของท่านจากผู้ใช้งานอื่นๆซึ่งจะช่วยให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการใช้งานเว็บไซต์และช่วยให้เราสามารถพัฒนาคุณภาพของเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น กรณีที่ท่านใช้งานเว็บไซต์นี้ต่อไป ถือว่าท่านได้ยินยอมให้เราติดตั้งคุกกี้ไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของท่าน
คุกกี้ คือ ไฟล์ข้อความขนาดเล็กที่ถูกดาวน์โหลดไปยังอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์มือถือของท่าน ซึ่งทำหน้าที่บันทึกข้อมูลและการตั้งค่าต่าง ๆ เช่น บันทึกข้อมูลการตั้งค่าภาษาในเบราว์เซอร์บนอุปกรณ์ของท่าน บันทึกสถานะการเข้าใช้งานในปัจจุบันของท่าน เพื่อช่วยให้ท่านสามารถเข้าใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการเข้าชมเว็บไซต์ที่ท่านชื่นชอบในรูปแบบไฟล์ โดยคุกกี้ไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายต่ออุปกรณ์ของท่าน และเนื้อหาในคุกกี้จะถูกเรียกออกมาดูหรืออ่านได้โดยเว็บไซต์ที่สร้างคุกกี้ดังกล่าวเท่านั้น
คุกกี้จะบอกให้เราทราบว่าท่านเข้าชมส่วนใดในเว็บไซต์ของเราเพื่อที่เราจะสามารถมอบประสบการณ์การใช้ งานเว็บไซต์ที่ดีขึ้นและตรงกับความต้องการของท่านได้ นอกจากนี้การบันทึกการตั้งค่าแรกของเว็บไซต์ด้วยคุกกี้จะช่วยให้ท่านเข้าถึงเว็บไซต์ด้วยค่าที่ตั้งไว้ทุกครั้งที่ใช้งาน ยกเว้นในกรณีที่คุกกี้ถูกลบซึ่งจะทำให้การตั้งค่าทุกอย่างจะกลับไปที่ค่าเริ่มต้น
• ช่วยจำสถานะของการใช้บริการ เช่น ภาษาที่เลือกใช้
• ช่วยจำคำตอบที่ท่านเคยตอบไปแล้ว ซึ่งจะช่วยให้ท่านไม่ต้องตอบคำถามเดิมซ้ำอีก
• ให้บริการฟังก์ชัน Social Media Sharing ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถแบ่งปันเนื้อหาที่สนใจบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network)
ทั้งนี้ เพื่อการให้บริการและเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ท่านในการใช้บริการตามตัวอย่างข้างต้น เรามีการใช้งานโปรแกรมเสริม (Plugin) และบริการของบุคคลที่สาม เช่น Google Analytics, Facebook Analytics, True hits
เมื่อใดก็ตามที่ท่านต้องการยกเลิกความยินยอมการใช้งานคุกกี้ ท่านจะต้องตั้งค่าเบราวเซอร์ของท่านเพื่อให้ลบคุกกี้ออกจากแต่ละเบราวเซอร์ที่ท่านใช้งาน