สารจากประธานเจ้าหน้าที่บริหาร


“มุ่งสู่ความสำเร็จตามเป้าหมาย ควบคู่ไปกับการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้กรอบการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อพัฒนาสู่ความยั่งยืนต่อไป”

 

เรียน ท่านผู้ถือหุ้น

บริษัทได้ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานทดแทนโดยการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 9 ปี และก้าวขึ้นมาเป็นแนวหน้าของวงการพลังงานทดแทนในประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพในการดำเนินงานเพื่อแข่งขันและเป็นผู้นำในธุรกิจดังกล่าวบริษัทจึงให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าที่มีความมั่นคง และดำเนินกลยุทธ์ตามเป้าหมายสู่ความสำเร็จในอนาคต ตามวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ คือ  “เป็นผู้นำด้านธุรกิจพลังงานทดแทนทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียน”

ภาพรวมผลการดำเนินงาน

ในปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 9,361.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.74% จากปีก่อน มาจากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ทั้งพลังแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานความร้อนจากขยะ มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 7,562.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3% หรือคิดเป็น EBITDA Margin 81% ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทได้ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน แต่เมื่อรวมกับรายการปรับปรุงที่ไม่ใช่ตัวเงินได้แก่ ผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของตราสารอนุพันธ์สัญญาแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย (Interest rate swap) 13.26 ล้านบาท และผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 546.10 ล้านบาท และรายการต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น 776.71 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีกำไรสำหรับปี 2565 จำนวน 732.54 ล้านบาท ลดลง 2,000.98 ล้านบาท หรือลดลง 73.20% เมื่อเทียบกับปีก่อน

การดำเนินงานด้านการเงิน บริษัทได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรโดยทริสเรทติ้ง ที่ระดับ “BBB” ขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทยังคงเป็น “Positive” ซึ่งสะท้อนถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดได้ดีอีกทั้งบริษัทยังคงสำรองเงินสดไว้ส่วนหนึ่งสำหรับลดความเสี่ยงกรณีเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ควบคู่กับการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัท

นอกจากนี้บริษัทยังคงแสวงหาโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนในการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน  2565 โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะชุมชน จังหวัดหนองคาย ดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มีปริมาณซื้อขายไฟตามสัญญา PPA จำนวน 6 เมกะวัตต์ และในเดือนถัดมาโครงการSPP Hybrid ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งร่วมกับแบตเตอร์รี่ เพื่อจำหน่ายไฟ 24  ชั่วโมง ที่จังหวัดสระแก้ว ดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มีปริมาณซื้อขายไฟตามสัญญา PPA 16 เมกะวัตต์  เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2566 ทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตตามปริมาณเสนอขายตาม PPA รวม 1,608.32 เมกะวัตต์

สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคม มีส่วนร่วมดูแลชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม สู่เป้าหมายที่ยั่งยืน

ในปี 2565 บริษัทให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงาน และมีส่วนร่วมดูแลสังคมและชุมชนอย่างต่อเนื่องทั้งในภาวะปกติและวิกฤต ซึ่งในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19)โดยมุ่งสร้างและสืบสานความสัมพันธ์อันดีที่เกิดจากการยอมรับและไว้วางใจซึ่งกันและกันให้กับประชาชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าเช่นโครงการก่อสร้างแผงโซล่าร์เซลล์เพื่อเป็นสาธารณ ประโยชน์แก่  ชุมชนร่วมกัน, สนับสนุนชุดตรวจ ATK ให้แก่ โรงพยาบาล โรงเรียน เพื่อใช้ในการบริการประชาชนและนักเรียน ควบคุมป้องกันโรค COVID-19 และโครงการพัฒนาส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม ชุมชุน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนรู้ลูกเสือจิตอาสา เป็นต้น

บริษัทตระหนักดีว่า ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท กำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนอันเป็นผลมาจากภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทั่วโลกคณะกรรมการและฝ่ายบริหารของบริษัทได้ร่วมกันทบทวนและปรับกลยุทธ์และเป้าหมายการลงทุน โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตอีก 1,000 เมกะวัตต์ ในปี 2568 อีกทั้งยังมุ่งหมายจะต่อยอดธุรกิจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มโดยการเข้าสู่ธุรกิจจัดหาใบรับรองสิทธิการผลิตพลังงานหมุนเวียนและคาร์บอนเครดิตเพื่อสนับสนุนการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยการนำพลังงานหมุนเวียนที่ผลิตได้ไปขึ้นทะเบียนใบรับรองสิทธิ์การผลิตพลังงานหมุนเวียนกับThe International REC Standard (I-REC) โดยในปี 2565 กลุ่มบริษัทมีความสามารถในการออกใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (RECs) จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ภายใต้กลุ่มบริษัทเป็นจำนวนกว่า 700,000 หน่วย และเริ่มจำหน่ายให้แก่ธุรกิจที่ต้องการนำมาใช้ในกิจกรรมชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของธุรกิจนั้น บริษัทเชื่อมั่นว่า แนวทางและเป้าหมายดังกล่าวนี้จะทำให้มูลค่ากิจการของกลุ่มบริษัทเติบโตต่อเนื่องขณะเดียวกันยังก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมช่วยบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสังคมอีกด้วย

สุดท้ายนี้ ในนามของกลุ่มบริษัทขอขอบคุณท่านผู้ถือหุ้น คณะกรรมการบริษัท พนักงานทุกคน และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ที่ได้ให้ความร่วมมือสนับสนุนการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทและมีข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์มาอย่างต่อเนื่อง และขอให้ความมั่นใจว่ากลุ่มบริษัทจะยังคงดำเนินธุรกิจ โดยยึดมั่นหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อสร้างความสำเร็จอย่างยั่งยืนให้แก่ธุรกิจของกลุ่มบริษัทต่อไป


(นายจอมทรัพย์ โลจายะ)

 ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร